สมุนไพรรักษาโรคกระดูกพรุน
น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิช่วยฟื้นฟูไขข้อเสื่อม ป้องกันกระดูกพรุน ลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานหนัก
งาดำ กับโรคกระดูกพรุน
งาดำ กับโรคกระดูกพรุน
จากการวิจัย พบว่า เซซามีน สารสกัดจากงาดำ สามารถยับยั้งโรคกระดูกพรุนได้ เรามาทำความรู้จักกับโรคกระดูกพรุนกันนะคะว่า คืออะไร ???
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เร่งให้เกิดความเสี่ยงที่กระดูกจะหักได้ง่ายสืบเนื่องมาจากความหนาแน่นของมวลกระดูกที่ลดลงจึงทำให้กระดูกเปราะ มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน การมีกระดูกที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดชีวิต นอกจากนี้ งานวิจัยล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่า “ความเสื่อมตามวัยของผิวหนัง” มีความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับ “ความเสื่อมตามวัยของกระดูก”
การลดผลกระทบของโรคกระดูกพรุนโดยการปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายที่มีการรับน้ำหนักเป็นประจำ เช่น การเดินและการเล่นกีฬาแบบเบาๆ เช่น การว่ายน้ำ เทนนิส หรือการตีกอล์ฟล้วนเป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกใหม่ สิ่งที่ต้องการเน้นในที่นี้คือ “การทำเป็นประจำ” ซึ่งในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน การเดิน 30 นาทีแต่ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ย่อมได้ประโยชน์มากกว่าการเดินครั้งเดียว 90 นาทีต่อสัปดาห์
สาเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุน
1. การไม่ได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่ม สาว ซึ่งเป็นช่วงที่ควรสร้างความหนาแน่นของกระดูกมากที่สุด
2. สาเหตุจากรรมพันธุ์ ซึ่งควรจะพิจารณาถึงบุคคลในครอบครัว เช่น ปู่ ยา ตา ยาย ถ้าท่านเหล่านั้นมีอาการของโรคกระดูกพรุนอย่างชัดเจน โอกาสที่บุตรหลานจะมีอาการ เช่นกันนั้นสูงถึง 80% ส่วน 20% ที่เหลือนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะในการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย
3. ยาอาจเกิดจากการใช้ยาสำหรับโรคบางอย่างที่นำสู่การลดความหนาแน่นของ กระดูก เช่น ออร์ติโซน สำหรับโรคไขข้ออักเสบ, โรคหืด, ยาเฮปาริน สำหรับโรคหัวใจ และความดันโลหิต การรักษาโดยการฉายรังสี หรือการให้สารเคมีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่มีการทำลายเซลล์กระดูก ซึ่งนำไปสู่โรคกระดูกพรุน
4. กายภาพ การสูบบุหรี่ การดื่มสุราเป็นประจำ จะลดประสิทธิภาพการดูดซึม ธาตุแคลเซียม ใน ร่างกาย ทำให้กระดูกเสื่อมและหดลงเร็ว
5. คาเฟอีน การดื่มกาแฟมาก ๆ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเช่น โค้ก, ชา เป็นต้น ก็ทำให้กระดูกเสื่อมง่ายขึ้น
6. ฮอร์โมน การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนของหญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ ประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง เป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระดูก พรุนเพิ่มขึ้น
7. อาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมต่ำในวัยชรา และใน คู่สามีภรรยา จะทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง เป็นสาเหตุให้เกิดโรค กระดูกพรุนเพิ่มขึ้น
8. การสูญเสียแคลเซียม ผ่านทางผิวหนัง ปัสสาวะและอุจจาระ ควรจะทดแทนการ สูญเสียเหล่านั้น เพื่อรักษาระดับแคลเซียมในกระดูก
9. การไม่เคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย เมื่อวัยชราโรคกระดูดพรุนเกิดขึ้นรุนแรง ถ้าขาดการออกกำลังกาย และการสูญเสียความแข็งแรงของกระดูก มักเกิดขึ้นในช่วง ที่ไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น ในขณะนั่งรถเข็น หรือนอนพักฟื้น
10. ขาดวิตามินดี เพราะในวิตามินดีมีความจำเป็นในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ในบ้านเรามักจะไม่มี ปัญหาการขาดวิตามีนดี เนื่องจากมีแสงแดดตลอดปี
การป้องกัน
1. ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร โดยเฉพาะกลางแจ้งตอนที่มีแดดอ่อน เช่น เวลาเช้า หรือเย็น
2. เมื่อมีความเจ็บป่วยไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรรีบทำกายภาพบำบัด หรือเคลื่อน ไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้เร็วที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย
3. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลากระป๋อง ซึ่งสามารถรับประทาน กระดูกปลาได้ หรือดื่มนมพร่องไขมันเนย ผักผลไม้ เป็นต้น
4. งดการดื่มสุรา และสูบบุหรี่
5. ไม่ควรซื้อยารับประทาน เช่น ยาลูกกลอน เพราะมักจะมีสารเสตียรอยด์ผสมอยู่ ทำให้กระดูกพรุนได้โดยไม่รู้ตัว
รักษาโรคกระดูกพรุนได้อย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุนคือ เพิ่มการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและหยุดหรือลดการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูกเช่น การกินวิตามินเกลือแร่เสริมอาหารต่างๆเช่น แคล เซียม วิตามินดี, การใช้ยาต้านการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูกเช่น ยาในกลุ่ม Bisphospho nate, การให้ยาฮอร์โมนต่างๆเช่น Estradiol Levonorgestrel ทั้งเพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและลดการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูก, และการออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพ
อนึ่ง การใช้ยาต่างๆควรต้องเป็นการแนะนำจากแพทย์ เพราะในผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการใช้ ชนิดยา ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยาต่างๆเหล่านี้ยังมีผล ข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
รักษาโรคกระดูกพรุนได้อย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคกระดูกพรุนคือ เพิ่มการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและหยุดหรือลดการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูกเช่น การกินวิตามินเกลือแร่เสริมอาหารต่างๆเช่น แคล เซียม วิตามินดี, การใช้ยาต้านการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูกเช่น ยาในกลุ่ม Bisphospho nate, การให้ยาฮอร์โมนต่างๆเช่น Estradiol Levonorgestrel ทั้งเพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกและลดการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูก, และการออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพ
อนึ่ง การใช้ยาต่างๆควรต้องเป็นการแนะนำจากแพทย์ เพราะในผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการใช้ ชนิดยา ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยาต่างๆเหล่านี้ยังมีผล ข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://neramitthai.com
สนใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิ คลิ๊ก
Inbox : m.me/neramitthaidotcom
Line :@neramitme
Tel : 092-2637200
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น