ปวดเข่าขวา
น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิช่วยฟื้นฟูไขข้อเสื่อม ป้องกันกระดูกพรุน ลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานหนัก
รู้ทันโรคข้อเข่าเสื่อม โรคปวดข้อที่คนเป็นทรมานมาก
หนึ่งในโรคยอดฮิตที่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นก็คือ โรคข้อเสื่อมที่เริ่มจากปวดน้อยๆ จนถึงขั้นเดินไม่ได้
ภาพที่คงคุ้นตาคนทั่วไป ในครอบครัวหนึ่งต้องมีหนึ่งคนที่เกิดอาการปวดเข้า ปวดตามข้อ ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อมือ ข้อเท้า วันนี้เรามารู้ถึงที่มาและที่ไปของโรคปวดข้อกัน
โรคข้อเสื่อมเกิดจากอะไร
มีปัจจัยหลายอย่าง ที่ส่งผลให้เกิดโรคข้อเสื่อมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวที่มาก การใช้งานข้ออย่างหนักหรือกิจกรรมบางอย่างที่มีการลงน้ำหนักที่ข้อมากเกิน ไป, ข้อได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ, พันธุกรรม, อาหาร รวมทั้งอายุที่เพิ่มมากขึ้น
โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้มีการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อมากขึ้น โดยการสร้างทดแทนหรือการซ่อมแซมที่เกิดขึ้นในร่างกายไม่สามารถชดเชยกระดูก อ่อนผิวข้อที่ถูกทำลายไป ทำให้เกิดความผิดปกติของข้อ ในระยะแรกบริเวณผิวของกระดูกอ่อนของข้อต่อ เช่น ข้อเข่า จะขรุขระและเริ่มมีรอยแตก เมื่อมีการดำเนินไปของโรคอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการใช้ข้อของผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา จะทำให้รอยแตกลึกขึ้น ผิวหน้าขรุขระมากขึ้นจนในที่สุดกระดูกอ่อนผิวข้อจะหลุดร่อนออก
ทำให้กระดูกอ่อนไม่สามารถเป็นเบาะรองรับน้ำหนัก และมีการสูญเสียคุณสมบัติของน้ำหล่อเลี้ยงเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อเข่า ก็จะเกิดการเสียดสี และเกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อน ผิวของกระดูกอ่อนจะแข็ง ไม่เรียบ เมื่อข้อเข่าเคลื่อนไหวจะเกิดเสียงดังในข้อ เกิดอาการเจ็บปวด หากข้อเข่ามีการอักเสบก็จะมีการสร้างน้ำข้อเข่าเพิ่มทำให้เกิดการบวม ตึง และปวดข้อเข่า
เมื่อมีการเสื่อมมากขึ้น ข้อเข่าก็จะมีการโก่งงอ ทำให้เกิดอาการปวดเข่าทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว และขนาดของจ้อเข่าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ในที่สุดผู้ป่วยต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน บางท่านไม่เดินทำให้กล้ามเนื้อต้นขาลีบและไม่มีกำลัง ข้อจะติดเหมือนมีสนิมเกาะเท้าจะเหยียดไม่สุด
เมื่อข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น กระดูกอ่อนจะมีขนาดบางลง ผิวจะขรุขระ จะมีการงอกของกระดูกขึ้นมาที่ในวงการแพทย์เรียกว่า osteophyte เมื่อมีการอักเสบเยื่อหุ้มข้อจะสร้างน้ำเลี้ยงข้อเพิ่ม ทำให้ข้อมีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อลีบลง การเปลี่ยนแปลงของข้อจะเป็นไปอย่างช้าๆ โดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ ในรายที่เป็นรุนแรงกระดูกอ่อนจะบางมาก ปลายกระดูกจะมาชนกันเวลาขยับข้อจะเกิดการเสียดสีในข้อ
ไอแอลวัน (IL-1) สารตัวร้าย ทำลายข้อ
สารตัวหนึ่งที่เป็นตัวการสำคัญในการทำให้เกิดขบวนการทำลายผิวกระดูกอ่อน คือ “อินเตอร์ลิวคินวัน (interleukin-1) หรือ ไอแอลวัน (IL-1)” ซึ่ง จะถูกสร้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโรคข้อเสื่อม สารนี้ไม่เพียงแต่ทำลายกระดูกอ่อนเท่านั้น แต่ยังทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อด้วย เช่น บริเวณเยื่อบุข้อ และอาจก่อให้เกิดการอักเสบของข้อได้
เยื่อบุข้อ และอาจก่อให้เกิดการอักเสบของข้อขึ้นบางครั้งระหว่างที่มีการดำเนินไปของโรค
ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อมจะมีอาการอย่างไรบ้าง
– อาการปวด อักเสบ บวม แดง ร้อนที่ข้อโดยอาการปวดจะปวดทั่วๆไปบริเวณข้อ ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ ซึ่งมักเป็นเรื้อรังและมากขึ้นเมื่อใช้งาน ถ้าเป็นมากขึ้นอาจมีอาการปวดตลอดเวลา โดยอาการปวดนี้อาจบรรเทาได้จากการรับประทานยาแก้ปวด อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีอาการ การทำลายข้อของผู้ป่วยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะข้อพิการได้
– ข้อฝืด พบได้บ่อย มักเป็นตอนเช้า อาจเกิดขึ้นชั่วคราวในช่วงแรกของการเคลื่อนไหวหลังจากพักเป็นเวลานาน
– มีเสียงกรอบแกรบในข้อขณะข้อเคลื่อนไหว เนื่องจากกระดูกอ่อนผิวข้อที่ไม่เรียบเกิดการเสียดสีกัน
– การเคลื่อนไหวของข้อลดลง ยิ่งเป็นมากและเป็นนานอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อได้
– ข้อผิดรูปหรือพิการ เช่น ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมอาจพบขาโก่งได้ในผู้ป่วยบางราย ทำให้ผู้ป่วยเดินไม่ปกติ จนต้องมาพบแพทย์
แนวทางการรักษาโรคข้อเสื่อมมีอะไรบ้าง
โรคข้อเสื่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากภาวะการทำลายข้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นเป้าหมายของรักษาใน ปัจจุบันไม่เพียงแค่เพื่อบรรเทาอาการ และเพิ่มการทำงานของข้อให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่รวมถึงการรักษาที่สามารถชะลอการทำลายข้อให้ช้าลงได้ โดยสามารถแบ่งการรักษาได้เป็น 3 แบบ คือ
– การรักษาโดยการไม่ใช้ยา เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การใช้อุปกรณ์พยุงข้อ เป็นต้น
– การรักษาโดยการใช้ยา ซึ่งประกอบด้วยยาหลายกลุ่ม โดยมีประสิทธิภาพ, กลไกการออกฤทธิ์ และวัตถุประสงค์ในการรักษาแตกต่างกันไป
– การรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อในกรณีที่ข้อถูกทำลายมาก อย่างไรก็ตามการผ่าตัดยังมีข้อจำกัดในผู้ป่วยบางกลุ่ม ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาถึงประโยชน์และข้อจำกัด หรือความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
แนวทางการรักษาโรคข้อเสื่อมโดยการใช้ยา
การใช้ยารับประทานในโรคข้อเสื่อม
1) ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด, อักเสบ
ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล และยาลดการอักเสบหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้มีผลชะลอการทำลายกระดูกอ่อนแต่ อย่างใด ดังนั้นการดำเนินไปของโรคยังเกิดอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ อีกทั้งยากลุ่ม NSAIDs อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือด สมอง ดังนั้นจึงควรใช้ในขนาดที่น้อยที่สุด และระยะเวลาสั้นสุดเท่าที่จำเป็น
2) ยาลดการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อหรือยาที่มีศักยภาพในการช่วยชะลอความเสื่อมของข้อ
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้ คือ ช่วยลดการสร้างหรือการออกฤทธิ์ของ “ไอแอล-วัน (IL-1)” ซึ่ง เป็นสารที่ทำให้เกิดกระบวนการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงมีผลทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อและเนื้อเยื่อรอบๆข้อถูก ทำลายน้อยลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมหรือการสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อได้อีกด้วย ผลก็คือ ทำให้สมดุลในข้อดีขึ้น อาการปวด การอักเสบต่างๆ ก็จะน้อยลง ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อได้ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่าการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องทำให้ชะลอความเสื่อมของข้อลง ได้ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่ไม่เพียง แต่ต้องการลดอาการปวดอักเสบเท่านั้น แต่ต้องการชะลอความเสื่อมของข้อด้วย
3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
นอกจากยาที่กล่าวข้างต้น ยังพบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกหลายชนิดมาใช้ในโรคข้อเสื่อมโดยหวัง ผลในการเสริมสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อ โดยสกัดจากพืชและธัญพืชเช่น จากมังคุด จากน้ำมันรำข้าว และงาดำ ที่ประกอบด้วย กรดไขมัน กรดอะมิโน สารลิกแนน สารเซซามิน สารเซซาโมลิน วิตามินอี เป็นต้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://neramitthai.com
สนใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิ คลิ๊ก
Inbox : m.me/neramitthaidotcom
Line :@neramitme
Tel : 092-2637200
รู้ทันโรคข้อเข่าเสื่อม โรคปวดข้อที่คนเป็นทรมานมาก
หนึ่งในโรคยอดฮิตที่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นก็คือ โรคข้อเสื่อมที่เริ่มจากปวดน้อยๆ จนถึงขั้นเดินไม่ได้
ภาพที่คงคุ้นตาคนทั่วไป ในครอบครัวหนึ่งต้องมีหนึ่งคนที่เกิดอาการปวดเข้า ปวดตามข้อ ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อมือ ข้อเท้า วันนี้เรามารู้ถึงที่มาและที่ไปของโรคปวดข้อกัน
โรคข้อเสื่อมเกิดจากอะไร
มีปัจจัยหลายอย่าง ที่ส่งผลให้เกิดโรคข้อเสื่อมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวที่มาก การใช้งานข้ออย่างหนักหรือกิจกรรมบางอย่างที่มีการลงน้ำหนักที่ข้อมากเกิน ไป, ข้อได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ, พันธุกรรม, อาหาร รวมทั้งอายุที่เพิ่มมากขึ้น
โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้มีการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อมากขึ้น โดยการสร้างทดแทนหรือการซ่อมแซมที่เกิดขึ้นในร่างกายไม่สามารถชดเชยกระดูก อ่อนผิวข้อที่ถูกทำลายไป ทำให้เกิดความผิดปกติของข้อ ในระยะแรกบริเวณผิวของกระดูกอ่อนของข้อต่อ เช่น ข้อเข่า จะขรุขระและเริ่มมีรอยแตก เมื่อมีการดำเนินไปของโรคอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการใช้ข้อของผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา จะทำให้รอยแตกลึกขึ้น ผิวหน้าขรุขระมากขึ้นจนในที่สุดกระดูกอ่อนผิวข้อจะหลุดร่อนออก
ทำให้กระดูกอ่อนไม่สามารถเป็นเบาะรองรับน้ำหนัก และมีการสูญเสียคุณสมบัติของน้ำหล่อเลี้ยงเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อเข่า ก็จะเกิดการเสียดสี และเกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อน ผิวของกระดูกอ่อนจะแข็ง ไม่เรียบ เมื่อข้อเข่าเคลื่อนไหวจะเกิดเสียงดังในข้อ เกิดอาการเจ็บปวด หากข้อเข่ามีการอักเสบก็จะมีการสร้างน้ำข้อเข่าเพิ่มทำให้เกิดการบวม ตึง และปวดข้อเข่า
เมื่อมีการเสื่อมมากขึ้น ข้อเข่าก็จะมีการโก่งงอ ทำให้เกิดอาการปวดเข่าทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว และขนาดของจ้อเข่าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ในที่สุดผู้ป่วยต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน บางท่านไม่เดินทำให้กล้ามเนื้อต้นขาลีบและไม่มีกำลัง ข้อจะติดเหมือนมีสนิมเกาะเท้าจะเหยียดไม่สุด
เมื่อข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น กระดูกอ่อนจะมีขนาดบางลง ผิวจะขรุขระ จะมีการงอกของกระดูกขึ้นมาที่ในวงการแพทย์เรียกว่า osteophyte เมื่อมีการอักเสบเยื่อหุ้มข้อจะสร้างน้ำเลี้ยงข้อเพิ่ม ทำให้ข้อมีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อลีบลง การเปลี่ยนแปลงของข้อจะเป็นไปอย่างช้าๆ โดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ ในรายที่เป็นรุนแรงกระดูกอ่อนจะบางมาก ปลายกระดูกจะมาชนกันเวลาขยับข้อจะเกิดการเสียดสีในข้อ
ไอแอลวัน (IL-1) สารตัวร้าย ทำลายข้อ
สารตัวหนึ่งที่เป็นตัวการสำคัญในการทำให้เกิดขบวนการทำลายผิวกระดูกอ่อน คือ “อินเตอร์ลิวคินวัน (interleukin-1) หรือ ไอแอลวัน (IL-1)” ซึ่ง จะถูกสร้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโรคข้อเสื่อม สารนี้ไม่เพียงแต่ทำลายกระดูกอ่อนเท่านั้น แต่ยังทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อด้วย เช่น บริเวณเยื่อบุข้อ และอาจก่อให้เกิดการอักเสบของข้อได้
เยื่อบุข้อ และอาจก่อให้เกิดการอักเสบของข้อขึ้นบางครั้งระหว่างที่มีการดำเนินไปของโรค
ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อมจะมีอาการอย่างไรบ้าง
– อาการปวด อักเสบ บวม แดง ร้อนที่ข้อโดยอาการปวดจะปวดทั่วๆไปบริเวณข้อ ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ ซึ่งมักเป็นเรื้อรังและมากขึ้นเมื่อใช้งาน ถ้าเป็นมากขึ้นอาจมีอาการปวดตลอดเวลา โดยอาการปวดนี้อาจบรรเทาได้จากการรับประทานยาแก้ปวด อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีอาการ การทำลายข้อของผู้ป่วยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะข้อพิการได้
– ข้อฝืด พบได้บ่อย มักเป็นตอนเช้า อาจเกิดขึ้นชั่วคราวในช่วงแรกของการเคลื่อนไหวหลังจากพักเป็นเวลานาน
– มีเสียงกรอบแกรบในข้อขณะข้อเคลื่อนไหว เนื่องจากกระดูกอ่อนผิวข้อที่ไม่เรียบเกิดการเสียดสีกัน
– การเคลื่อนไหวของข้อลดลง ยิ่งเป็นมากและเป็นนานอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อได้
– ข้อผิดรูปหรือพิการ เช่น ในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมอาจพบขาโก่งได้ในผู้ป่วยบางราย ทำให้ผู้ป่วยเดินไม่ปกติ จนต้องมาพบแพทย์
แนวทางการรักษาโรคข้อเสื่อมมีอะไรบ้าง
โรคข้อเสื่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากภาวะการทำลายข้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นเป้าหมายของรักษาใน ปัจจุบันไม่เพียงแค่เพื่อบรรเทาอาการ และเพิ่มการทำงานของข้อให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่รวมถึงการรักษาที่สามารถชะลอการทำลายข้อให้ช้าลงได้ โดยสามารถแบ่งการรักษาได้เป็น 3 แบบ คือ
– การรักษาโดยการไม่ใช้ยา เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การใช้อุปกรณ์พยุงข้อ เป็นต้น
– การรักษาโดยการใช้ยา ซึ่งประกอบด้วยยาหลายกลุ่ม โดยมีประสิทธิภาพ, กลไกการออกฤทธิ์ และวัตถุประสงค์ในการรักษาแตกต่างกันไป
– การรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อในกรณีที่ข้อถูกทำลายมาก อย่างไรก็ตามการผ่าตัดยังมีข้อจำกัดในผู้ป่วยบางกลุ่ม ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาถึงประโยชน์และข้อจำกัด หรือความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
แนวทางการรักษาโรคข้อเสื่อมโดยการใช้ยา
การใช้ยารับประทานในโรคข้อเสื่อม
1) ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด, อักเสบ
ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล และยาลดการอักเสบหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้มีผลชะลอการทำลายกระดูกอ่อนแต่ อย่างใด ดังนั้นการดำเนินไปของโรคยังเกิดอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ อีกทั้งยากลุ่ม NSAIDs อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือด สมอง ดังนั้นจึงควรใช้ในขนาดที่น้อยที่สุด และระยะเวลาสั้นสุดเท่าที่จำเป็น
2) ยาลดการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อหรือยาที่มีศักยภาพในการช่วยชะลอความเสื่อมของข้อ
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้ คือ ช่วยลดการสร้างหรือการออกฤทธิ์ของ “ไอแอล-วัน (IL-1)” ซึ่ง เป็นสารที่ทำให้เกิดกระบวนการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงมีผลทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อและเนื้อเยื่อรอบๆข้อถูก ทำลายน้อยลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมหรือการสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อได้อีกด้วย ผลก็คือ ทำให้สมดุลในข้อดีขึ้น อาการปวด การอักเสบต่างๆ ก็จะน้อยลง ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อได้ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่าการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องทำให้ชะลอความเสื่อมของข้อลง ได้ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่ไม่เพียง แต่ต้องการลดอาการปวดอักเสบเท่านั้น แต่ต้องการชะลอความเสื่อมของข้อด้วย
3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
นอกจากยาที่กล่าวข้างต้น ยังพบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกหลายชนิดมาใช้ในโรคข้อเสื่อมโดยหวัง ผลในการเสริมสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อ โดยสกัดจากพืชและธัญพืชเช่น จากมังคุด จากน้ำมันรำข้าว และงาดำ ที่ประกอบด้วย กรดไขมัน กรดอะมิโน สารลิกแนน สารเซซามิน สารเซซาโมลิน วิตามินอี เป็นต้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://neramitthai.com
สนใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิ คลิ๊ก
Inbox : m.me/neramitthaidotcom
Line :@neramitme
Tel : 092-2637200
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น