เข่าดัง
น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิช่วยฟื้นฟูไขข้อเสื่อม ป้องกันกระดูกพรุน ลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานหนัก
เสียงดังกรอบแกรบในเข่า ใช่สัญญาณเตือนข้อเสื่อม?!?
ใครที่มักได้ยินเสียงดังกรอบแกรบในข้อต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อเท้า ข้อต่อคอ หลัง ไหล่ เวลาลุก เดิน นั่ง หรือขยับตัว ก็พึงระวังว่าเสียงนั้นอาจส่งสัญญาณเตือน...ข้อเสื่อม!
เสียงดังกรอบแกรบในเข่า ใช่สัญญาณเตือนข้อเสื่อม ?!?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ...!! ในข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะ “ข้อเข่า” ที่ต้องแบกรรับน้ำหนักตัวเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ลุก เดิน นั่ง หรือข้อเท้าเวลายืดขยับข้อเท้า รวมถึงข้อต่อคอ หลัง ไหล่ เมื่อเอื้อมหยิบของ...
รู้หรือไม่ว่าเสียงดังเหล่านั้นเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างกับเราได้บ้าง??
จากข้อมูลทางวิชาการ มีการระบุถึงสาเหตุของการเกิดเสียงตามข้อต่างๆ ว่า...มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ เกิดจากก๊าซในน้ำไขข้อกลายเป็นฟอง เช่น เมื่อหักข้อนิ้วมือทำให้ปลอกหุ้มข้อต่อขยายออก ในขณะที่แรงดันในข้อลดลง ก๊าซที่ละลายอยู่ในน้ำไขข้อจึงผุดเป็นฟองแล้วรวมตัวกันเป็นฟองก๊าซขนาดใหญ่
เมื่อยืดข้อต่อออกไปอีก น้ำไขข้อจะไหลกลับเข้าสู่ข้ออีกครั้ง ทำให้ฟองก๊าซขนาดใหญ่เหล่านั้นยุบลงเป็นฟองขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเสียงดังภายในข้อ หรือเกิดจากการเคลื่อนไหวของข้อ กระดูกอ่อน และเอ็นรอบๆ ข้อ ซึ่งมักจะเป็นบริเวณข้อเข่าและข้อเท้า หากข้อเสื่อมทำให้พื้นที่ผิวข้อขรุขระ จะมีการเสียดสีกันจึงทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ...
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ “ข้อเสื่อม” อันเป็นผลมาจากกระดูกอ่อนที่เชื่อมต่อข้อต่างๆ ผุพังหรือบางลง ทำให้กระดูกข้อต่อเสียดสีกันจนเกิดการอักเสบ จึงรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้อต่อจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาการ “ข้อเสื่อม” มักมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้น และการใช้งานข้อต่อต่างๆ อย่างหนักหรือหักโหมจนเกินไป
จากการศึกษาพบว่าสถิติคนไทยเป็นโรคข้อเสื่อมมากถึง 7 ล้านคน!! หรือร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด และส่วนใหญ่มักจะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็ใช่ว่าผู้สูงวัยจะหลีกหนีจากโรคนี้ไม่ได้ เพราะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า... “การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงอาการปวดข้อนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีและถูกวิธี”
ฉะนั้นเรามาดูกันว่า การดูแลและป้องกันการเกิดข้อเสื่อมมีวิธีใดบ้าง??
เริ่มจาก “การควบคุมน้ำหนัก” เพราะหนึ่งในสาเหตุใหญ่ของอาการ “ข้อเสื่อม” คือความอ้วน ยิ่งเรามีน้ำหนักตัวมากเท่าไร ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายยิ่งต้องรับภาระอันหนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น การควบคุมน้ำหนักจึงเป็นการช่วยทะนุถนอมข้อกระดูกทางหนึ่งด้วย
“อย่าอยู่ในท่าเดิมนานๆ ให้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง” โดยเฉพาะท่าทางที่ผิดและส่งผลเสียต่อข้ออย่างการนั่งยองๆ หรือบางคนชอบยืนทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านเดียว ซึ่งเป็นการสร้างภาระให้ข้อข้างนั้นรับน้ำหนักเพียงด้านเดียว รวมไปถึงการนั่งหลังงอและก้มหน้าทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ ก็เป็นผลเสียต่อข้อต่อบริเวณคอและกระดูกสันหลังส่วนเอว
ดังนั้นไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืนก็ควรอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง และหมั่นขยับเขยื้อนตัว ยืดแขนยืดขาบ้างเพื่อบริหารข้อต่อให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
...
“ไม่หักโหมออกกำลังกายจนเกินไปและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง” เพราะหากออกกำลังกายหนักเกินไปจะส่งผลโดยตรงต่อข้อและกระดูก แต่หากอยากออกกำลังกายจริงๆ ควรทำควบคู่ไปกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อจะช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ของข้อต่อ เมื่อร่างกายต้องเคลื่อนไหวรุนแรง
โดยเฉพาะการมี “กล้ามเนื้อหน้าท้อง” และ “กล้ามเนื้อหลัง” ที่ดี จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับภาระการเคลื่อนไหวและแรงต่างๆ น้อยลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเสื่อมได้มาก และ “หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดบ่อยเกินความจำเป็น” เช่น สเตียรอยด์แบบฉีดเพื่อลดการอักเสบของข้อ เพราะหากใช้บ่อยๆ อาจมีผลต่อข้อกระดูก ทำให้ข้อเสียและกระดูกบางลงได้
“โรคข้อเสื่อม” นำมาซึ่งความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หากใครเป็นอยู่หรือมีคนใกล้ชิดกำลังเป็นจะทราบว่าทำให้การใช้ชีวิตประจำวันผิดเพี้ยนไปแค่ไหน ที่สำคัญเป็นโรคที่ยากจะรักษาให้หายขาดหรือกลับคืนสู่สภาพปกติได้ จึงบอกได้อย่างเฉยๆ ว่า...ควรป้องกันและดูแลกันเสียแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด!!...
การใช้ยารับประทานในโรคข้อเสื่อม
1) ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด, อักเสบ
ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล และยาลดการอักเสบหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้มีผลชะลอการทำลายกระดูกอ่อนแต่ อย่างใด ดังนั้นการดำเนินไปของโรคยังเกิดอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ อีกทั้งยากลุ่ม NSAIDs อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือด สมอง ดังนั้นจึงควรใช้ในขนาดที่น้อยที่สุด และระยะเวลาสั้นสุดเท่าที่จำเป็น
2) ยาลดการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อหรือยาที่มีศักยภาพในการช่วยชะลอความเสื่อมของข้อ
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้ คือ ช่วยลดการสร้างหรือการออกฤทธิ์ของ “ไอแอล-วัน (IL-1)” ซึ่ง เป็นสารที่ทำให้เกิดกระบวนการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงมีผลทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อและเนื้อเยื่อรอบๆข้อถูก ทำลายน้อยลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมหรือการสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อได้อีกด้วย ผลก็คือ ทำให้สมดุลในข้อดีขึ้น อาการปวด การอักเสบต่างๆ ก็จะน้อยลง ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อได้ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่าการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องทำให้ชะลอความเสื่อมของข้อลง ได้ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่ไม่เพียง แต่ต้องการลดอาการปวดอักเสบเท่านั้น แต่ต้องการชะลอความเสื่อมของข้อด้วย
3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
นอกจากยาที่กล่าวข้างต้น ยังพบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกหลายชนิดมาใช้ในโรคข้อเสื่อมโดยหวัง ผลในการเสริมสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อ โดยสกัดจากพืชและธัญพืชเช่น จากมังคุด จากน้ำมันรำข้าว และงาดำ ที่ประกอบด้วย กรดไขมัน กรดอะมิโน สารลิกแนน สารเซซามิน สารเซซาโมลิน วิตามินอี เป็นต้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://neramitthai.com
สนใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิ คลิ๊ก
Inbox : m.me/neramitthaidotcom
Line :@neramitme
Tel : 092-2637200
เสียงดังกรอบแกรบในเข่า ใช่สัญญาณเตือนข้อเสื่อม?!?
ใครที่มักได้ยินเสียงดังกรอบแกรบในข้อต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อเท้า ข้อต่อคอ หลัง ไหล่ เวลาลุก เดิน นั่ง หรือขยับตัว ก็พึงระวังว่าเสียงนั้นอาจส่งสัญญาณเตือน...ข้อเสื่อม!
เสียงดังกรอบแกรบในเข่า ใช่สัญญาณเตือนข้อเสื่อม ?!?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ...!! ในข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะ “ข้อเข่า” ที่ต้องแบกรรับน้ำหนักตัวเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ลุก เดิน นั่ง หรือข้อเท้าเวลายืดขยับข้อเท้า รวมถึงข้อต่อคอ หลัง ไหล่ เมื่อเอื้อมหยิบของ...
รู้หรือไม่ว่าเสียงดังเหล่านั้นเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างกับเราได้บ้าง??
จากข้อมูลทางวิชาการ มีการระบุถึงสาเหตุของการเกิดเสียงตามข้อต่างๆ ว่า...มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ เกิดจากก๊าซในน้ำไขข้อกลายเป็นฟอง เช่น เมื่อหักข้อนิ้วมือทำให้ปลอกหุ้มข้อต่อขยายออก ในขณะที่แรงดันในข้อลดลง ก๊าซที่ละลายอยู่ในน้ำไขข้อจึงผุดเป็นฟองแล้วรวมตัวกันเป็นฟองก๊าซขนาดใหญ่
เมื่อยืดข้อต่อออกไปอีก น้ำไขข้อจะไหลกลับเข้าสู่ข้ออีกครั้ง ทำให้ฟองก๊าซขนาดใหญ่เหล่านั้นยุบลงเป็นฟองขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเสียงดังภายในข้อ หรือเกิดจากการเคลื่อนไหวของข้อ กระดูกอ่อน และเอ็นรอบๆ ข้อ ซึ่งมักจะเป็นบริเวณข้อเข่าและข้อเท้า หากข้อเสื่อมทำให้พื้นที่ผิวข้อขรุขระ จะมีการเสียดสีกันจึงทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ...
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ “ข้อเสื่อม” อันเป็นผลมาจากกระดูกอ่อนที่เชื่อมต่อข้อต่างๆ ผุพังหรือบางลง ทำให้กระดูกข้อต่อเสียดสีกันจนเกิดการอักเสบ จึงรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้อต่อจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาการ “ข้อเสื่อม” มักมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้น และการใช้งานข้อต่อต่างๆ อย่างหนักหรือหักโหมจนเกินไป
จากการศึกษาพบว่าสถิติคนไทยเป็นโรคข้อเสื่อมมากถึง 7 ล้านคน!! หรือร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด และส่วนใหญ่มักจะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็ใช่ว่าผู้สูงวัยจะหลีกหนีจากโรคนี้ไม่ได้ เพราะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า... “การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงอาการปวดข้อนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีและถูกวิธี”
ฉะนั้นเรามาดูกันว่า การดูแลและป้องกันการเกิดข้อเสื่อมมีวิธีใดบ้าง??
เริ่มจาก “การควบคุมน้ำหนัก” เพราะหนึ่งในสาเหตุใหญ่ของอาการ “ข้อเสื่อม” คือความอ้วน ยิ่งเรามีน้ำหนักตัวมากเท่าไร ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายยิ่งต้องรับภาระอันหนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น การควบคุมน้ำหนักจึงเป็นการช่วยทะนุถนอมข้อกระดูกทางหนึ่งด้วย
“อย่าอยู่ในท่าเดิมนานๆ ให้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง” โดยเฉพาะท่าทางที่ผิดและส่งผลเสียต่อข้ออย่างการนั่งยองๆ หรือบางคนชอบยืนทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านเดียว ซึ่งเป็นการสร้างภาระให้ข้อข้างนั้นรับน้ำหนักเพียงด้านเดียว รวมไปถึงการนั่งหลังงอและก้มหน้าทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ ก็เป็นผลเสียต่อข้อต่อบริเวณคอและกระดูกสันหลังส่วนเอว
ดังนั้นไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืนก็ควรอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง และหมั่นขยับเขยื้อนตัว ยืดแขนยืดขาบ้างเพื่อบริหารข้อต่อให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
...
“ไม่หักโหมออกกำลังกายจนเกินไปและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง” เพราะหากออกกำลังกายหนักเกินไปจะส่งผลโดยตรงต่อข้อและกระดูก แต่หากอยากออกกำลังกายจริงๆ ควรทำควบคู่ไปกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อจะช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ของข้อต่อ เมื่อร่างกายต้องเคลื่อนไหวรุนแรง
โดยเฉพาะการมี “กล้ามเนื้อหน้าท้อง” และ “กล้ามเนื้อหลัง” ที่ดี จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับภาระการเคลื่อนไหวและแรงต่างๆ น้อยลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเสื่อมได้มาก และ “หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดบ่อยเกินความจำเป็น” เช่น สเตียรอยด์แบบฉีดเพื่อลดการอักเสบของข้อ เพราะหากใช้บ่อยๆ อาจมีผลต่อข้อกระดูก ทำให้ข้อเสียและกระดูกบางลงได้
“โรคข้อเสื่อม” นำมาซึ่งความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หากใครเป็นอยู่หรือมีคนใกล้ชิดกำลังเป็นจะทราบว่าทำให้การใช้ชีวิตประจำวันผิดเพี้ยนไปแค่ไหน ที่สำคัญเป็นโรคที่ยากจะรักษาให้หายขาดหรือกลับคืนสู่สภาพปกติได้ จึงบอกได้อย่างเฉยๆ ว่า...ควรป้องกันและดูแลกันเสียแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด!!...
การใช้ยารับประทานในโรคข้อเสื่อม
1) ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด, อักเสบ
ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล และยาลดการอักเสบหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้มีผลชะลอการทำลายกระดูกอ่อนแต่ อย่างใด ดังนั้นการดำเนินไปของโรคยังเกิดอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ อีกทั้งยากลุ่ม NSAIDs อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือด สมอง ดังนั้นจึงควรใช้ในขนาดที่น้อยที่สุด และระยะเวลาสั้นสุดเท่าที่จำเป็น
2) ยาลดการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อหรือยาที่มีศักยภาพในการช่วยชะลอความเสื่อมของข้อ
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มนี้ คือ ช่วยลดการสร้างหรือการออกฤทธิ์ของ “ไอแอล-วัน (IL-1)” ซึ่ง เป็นสารที่ทำให้เกิดกระบวนการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงมีผลทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อและเนื้อเยื่อรอบๆข้อถูก ทำลายน้อยลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมหรือการสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อได้อีกด้วย ผลก็คือ ทำให้สมดุลในข้อดีขึ้น อาการปวด การอักเสบต่างๆ ก็จะน้อยลง ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อได้ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่าการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องทำให้ชะลอความเสื่อมของข้อลง ได้ ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่ไม่เพียง แต่ต้องการลดอาการปวดอักเสบเท่านั้น แต่ต้องการชะลอความเสื่อมของข้อด้วย
3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
นอกจากยาที่กล่าวข้างต้น ยังพบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกหลายชนิดมาใช้ในโรคข้อเสื่อมโดยหวัง ผลในการเสริมสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อ โดยสกัดจากพืชและธัญพืชเช่น จากมังคุด จากน้ำมันรำข้าว และงาดำ ที่ประกอบด้วย กรดไขมัน กรดอะมิโน สารลิกแนน สารเซซามิน สารเซซาโมลิน วิตามินอี เป็นต้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://neramitthai.com
สนใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ริซูอิ คลิ๊ก
Inbox : m.me/neramitthaidotcom
Line :@neramitme
Tel : 092-2637200
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น